การเลือกและจัดเตรียมสถานที่ให้เหมาะสมก่อนเริ่มติดตั้งชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแก๊สเป็นสิ่งที่สำคัญมาก สถานที่ดังกล่าวต้องเรียบและมีขนาดเพียงพอที่จะรองรับชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รวมทั้งต้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับบุคคลที่จะปฏิบัติงานและบำรุงรักษามัน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบว่าสถานที่นั้นมีความปลอดภัยเพียงพอ โดยต้องอยู่ห่างจากวัสดุที่ไวต่อไฟ เช่น ถังน้ำมันเบนซิน เศษไม้ หรือสิ่งของอื่นๆ ที่อาจเกิดเพลิงไหม้ได้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแก๊สมีอุณหภูมิสูงและอาจก่อให้เกิดอันตรายจากไฟไหม้หากไม่มีการดูแลอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ สถานที่ต้องมีการระบายอากาศที่เหมาะสม เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำเป็นต้องสามารถระบายความร้อนและกระจายความร้อนส่วนเกินออกได้ในระหว่างการทำงาน มิฉะนั้นความร้อนสะสมจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน อย่าลืมตรวจสอบว่าสถานที่นั้นไม่อยู่ในบริเวณที่ต่ำและเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม การที่น้ำเข้าไปในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือทำให้สถานที่ติดตั้งถูกน้ำท่วม อาจทำให้เกิดวงจรลัดวงจรและอุปกรณ์เสียหาย
เมื่อพื้นที่ติดตั้งพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนของชิ้นส่วนทั้งหมดในชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซ ก่อนอื่นให้ตรวจสอบว่าชิ้นส่วนหลักทั้งหมด เช่น เครื่องยนต์ ระบบจ่ายก๊าซ แผงควบคุม และระบบระบายความร้อน มีความสมบูรณ์และอยู่ในสภาพดี ตัวเรือนเครื่องยนต์ภายนอกควรไม่มีรอยแตกร้าว และสายไฟบนแผงควบคุมควรเชื่อมต่อแน่นหนา ไม่มีปลายสายหลวม จากนั้นตรวจสอบระบบจ่ายก๊าซ ท่อและวาล์วควรไม่มีการรั่วซึม ซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยการใช้น้ำสบู่เช็ดตามข้อต่อ หากไม่มีฟองเกิดขึ้นแสดงว่าไม่มีการรั่ว นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบว่าตัวกรองในระบบเชื้อเพลิงไม่มีสิ่งอุดตัน หากตัวกรองสกปรกจะทำให้การไหลของเชื้อเพลิงติดขัด และก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามข้าม เพราะหากชิ้นส่วนใดชิ้นหนึ่งมีปัญหาเล็กน้อย อาจทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขัดข้องขณะใช้งาน
เพื่อเริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง ให้วางเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแก๊สบนพื้นที่เตรียมไว้และระดับเรียบร้อยแล้ว และถ้าจำเป็น ให้ใช้สลักเกลียวยึดเครื่องเข้ากับพื้นดิน เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องเคลื่อนหรือสั่นสะเทือนมากเกินไปขณะทำงาน ซึ่งจะช่วยลดเสียงรบกวนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้น้อยที่สุด และช่วยป้องกันความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายในของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขั้นตอนต่อไป ให้ต่อท่อน้ำมันเชื้อเพลิง ควรใช้ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อป้องกันการรั่วซึม และยึดข้อต่อให้แน่นด้วยแคลมป์ หลังจากต่อท่อน้ำมันเชื้อเพลิงเรียบร้อยแล้ว ให้ต่อสายไฟ โดยต้องจับคู่ขั้วบวกและขั้วลบของสายไฟให้ถูกต้อง และยึดข้อต่อให้แน่นด้วยขั้วต่อสายไฟ (wire nuts) ตามคำแนะนำในการติดตั้ง ขั้นตอนต่อไป ติดตั้งระบบระบายความร้อน สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้ต่อท่อน้ำอย่างถูกต้อง ส่วนเครื่องที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้ติดตั้งพัดลมและแผงระบายความร้อนตามคำแนะนำ สุดท้าย ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องที่มีปริมาณไม่เพียงพอ ชนิดผิด หรือแม้แต่ปริมาณน้อยกว่าที่กำหนดไว้เล็กน้อย ก็อาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้นได้
อย่าเริ่มใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซทันทีหลังจากการติดตั้ง การทดสอบการทำงานจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงานได้อย่างถูกต้อง ขั้นตอนแรกคือเปิดแผงควบคุม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวบ่งชี้ทั้งหมดติดขึ้น จากนั้นจึงเริ่มเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ระหว่างการทดสอบ ฟังเสียงของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ควรทำงานอย่างราบรื่น คุณไม่ควรได้ยินเสียงเคาะ เสียงหวีด หรือเสียงแปลก ๆ อื่นใด มองที่แผงควบคุม แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความถี่ ควรอยู่ในช่วงที่ระบุไว้ในคู่มือ ให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงานต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง ระหว่างเวลานี้ ตรวจสอบการรั่วของก๊าซในระบบจ่ายก๊าซ และตรวจสอบว่าระบบระบายความร้อนทำงานได้ดีหรือไม่ สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ อุณหภูมิน้ำไม่ควรสูงเกินไป หากทุกอย่างปกติระหว่างการทดสอบ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซก็พร้อมใช้งานตามปกติ หากรายงานปัญหาใด ๆ ต้องปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและแก้ไขปัญหาก่อนที่จะเริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง
ไม่ว่าการติดตั้งชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซจะทำได้ดีเพียงใด หรือการทดสอบเบื้องต้นจะสำเร็จลุล่วงอย่างไร การบำรุงรักษาก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เครื่องใช้งานได้อย่างยาวนาน ตัวอย่างเช่น ควรตรวจสอบระบบจ่ายก๊าซทุกเดือน ตรวจหารอยสึกหรอหรือความเสียหายที่ท่อและวาล์ว และเปลี่ยนถ้าจำเป็น ควรปรับเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำ โดยปกติทุกๆ 50-100 ชั่วโมงของการใช้งาน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันและระดับการใช้งานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า นอกจากนี้ควรทำความสะอาดตัวกรองของระบบเชื้อเพลิงและอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้งานที่ไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงความล้มเหลวของระบบหรือการหยุดทำงาน ถ้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีแบตเตอรี่ ควรตรวจสอบและรักษาสถานะประจุไฟให้เพียงพอ เพราะแบตเตอรี่หมดจะทำให้สตาร์ทเครื่องได้ยาก สุดท้าย หากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไม่ได้ใช้งานมานาน ควรระบายน้ำมันเชื้อเพลิงออกและเก็บไว้ในที่เย็นและแห้ง เพื่อป้องกันความเสียหายจากระบบเชื้อเพลิงและชะลอการเสื่อมสภาพ